มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ขับเคลื่อนสู่คลังความรู้! จัดประชุมรับฟังการนำเสนอและให้ความคิดเห็น (ร่าง) รายงานการประเมินผล "คลองภักดีรำไพ" ต้นแบบนวัตกรรมบริหารจัดการน้ำ สร้างเมืองจันท์เติบโตอย่างยั่งยืน

3 ตุลาคม มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี (มรภ.รำไพพรรณี) ได้เปิดเวทีครั้งสำคัญ เพื่อนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานการประเมินผล "โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี "คลองภักดีรำไพ" ณ ห้องประชุมแก้ววิทยาการ ชั้น 7 อาคาร 37

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไวกูณฑ์ ทองอร่าม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม พร้อมเผยถึงความสำเร็จและวิสัยทัศน์ของโครงการนี้ว่า "โครงการคลองภักดีรำไพไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากของเมืองจันทบุรีเท่านั้น แต่ยังเป็น ′ต้นแบบทางวิชาการ′ ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนำผลการประเมินอย่างเป็นระบบและเป็นกลางมาใช้ในการวางแผน เราภาคภูมิใจที่ มรภ.รำไพพรรณี ได้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงประเมินผลครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นสถาบันที่สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง ผลการประเมินนี้จะเป็นฐานข้อมูลมาตรฐานสำคัญที่ภาครัฐและท้องถิ่นจะนำไปใช้ในการต่อยอดการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหา และการพัฒนาด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของจันทบุรีให้ก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป"

การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นางศศิพร ปาณิกบุตร รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เป็นประธานเปิดโครงการ โดยโครงการประเมินผลนี้ริเริ่มขึ้นจากแนวคิดของสำนักงาน กปร. ที่ต้องการให้เกิดการประเมินผลโครงการคลองภักดีรำไพอย่างเป็นระบบตามหลักวิชาการ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สามารถอ้างอิงและใช้เป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาในอนาคต ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 30 คน ประกอบด้วยตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบคลองภักดีรำไพ ซึ่งนับเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการสร้างความมั่นใจร่วมกันในความยั่งยืนของโครงการ

มรภ.รำไพพรรณี มุ่งมั่นที่จะสานต่อภารกิจในการเป็น มหาวิทยาลัยในวัง คลังแห่งความรู้ สู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยการใช้ผลการประเมินครั้งนี้เป็นเครื่องมือในการทำงานร่วมกับชุมชน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Water-Use Efficiency) และการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Well-being) ของประชาชนในพื้นที่ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก (SDGs) อย่างชัดเจน