มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี เดินหน้าเต็มสูบสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ จัดอบรมเข้ม "การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร" ติดอาวุธบุคลากรด้วยความรู้และนวัตกรรม ตอกย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี แสดงความมุ่งมั่นในการเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสำนักงานอธิการบดี (สนอ.) ร่วมกับสำนักบริการวิชาการ จัด "โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO)" ณ ห้องประชุม 35201 โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.สินาด โกศลานันท์ รองอธิการบดี ด้านบริหาร เป็นประธานในพิธีเปิด และมี นางสาวกาญจนา ตรีรัตน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการกองกลาง กล่าวรายงาน ท่ามกลางผู้เข้าร่วมอบรมจากหลากหลายหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยรวม 35 คน
โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน โดยมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สามารถประเมินและจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ
รองศาสตราจารย์ ดร.สินาด โกศลานันท์ รองอธิการบดีด้านบริหาร ได้กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า "โครงการนี้คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของวิสัยทัศน์มหาวิทยาลัย ที่เราไม่ได้เป็นเพียง ′แหล่งความรู้′ แต่เราคือ ′ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง′ การติดอาวุธให้บุคลากรของเรามีความสามารถในการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ คือการวางรากฐานที่มั่นคงไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยคาร์บอนต่ำ นี่คือนวัตกรรมเชิงกระบวนการที่จะนำเราไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนและสังคมต่อไป"
ด้าน นางสาวกาญจนา ตรีรัตน์ ในฐานะผู้จัดโครงการ กล่าวเสริมถึงผลลัพธ์ว่า "วัตถุประสงค์ของเราประสบความสำเร็จอย่างสูง ผู้เข้าร่วมอบรมให้ความสนใจและมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ เรามั่นใจว่าองค์ความรู้ที่ได้รับจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิอย่าง ดร.ศิริพร พลทำ จะถูกนำไปต่อยอดในแต่ละหน่วยงาน ทำให้มหาวิทยาลัยมีข้อมูลที่ชัดเจนในการวางนโยบายและกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต ซึ่งเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง"
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของมหาวิทยาลัยได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.rbru.ac.th เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ความสำเร็จในครั้งนี้สอดคล้องกับผลงานที่ผ่านมาของมหาวิทยาลัย SDGs อันดับ 1 ของราชภัฏ และอันดับ 11 ของมหาวิทยาลัยไทย ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล และตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการ "เป็นแหล่งความรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรม นำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน" อย่างเป็นรูปธรรม โดยมหาวิทยาลัยจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์โครงการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป