กิจการเพื่อสังคมสวนบ้านแก้ว จัดพิธีมอบเกียรติบัตรผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร “ธุรกิจเพื่อสังคมสู่การเปลี่ยนแปลง (Social Enterprise For Change) รุ่นที่ 2” ขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนรุ่นใหม่ ด้วยการสนับสนุนจาก สป.อว. และ สสส.

จันทบุรี – 2 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมบลูแรบบิท จังหวัดจันทบุรี กิจการเพื่อสังคมสวนบ้านแก้ว ภายใต้มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ได้จัดพิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร “ธุรกิจเพื่อสังคมสู่การเปลี่ยนแปลง (Social Enterprise For Change) รุ่นที่ 2” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต โดยได้รับการสนับสนุนหลักจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อมุ่งมั่นในการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้มีศักยภาพและจิตสำนึกเพื่อสังคม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรียนันท์ สิทธิจินดาร์ รองอธิการบดี ด้านกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และกล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า “หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพและมีจิตสำนึกที่ดีต่อส่วนรวม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยในการเป็นสถาบันเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เรามุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมอบรมนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดและสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม”

สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ทีม “ประทีปแก้ว Handicraft” ได้รับรางวัลนำเสนอแผนธุรกิจยอดเยี่ยม ด้วยแนวคิดที่โดดเด่นในการสร้างคุณค่าทางสังคมควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของกิจการเพื่อสังคมที่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกได้อย่างยั่งยืน นับเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนากำลังคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ประกอบการที่พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมไทย

มหาวิทยาลัยขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมติดตามความสำเร็จของผู้ประกอบการเพื่อสังคมรุ่นใหม่ และกิจกรรมดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมได้ทางช่องทางโซเชียลมีเดียของกิจการเพื่อสังคมสวนบ้านแก้ว ความสำเร็จของโครงการ Social Enterprise For Change รุ่นที่ 2 นี้ ตอกย้ำพันธกิจของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีในการเป็น แหล่งเรียนรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรม และนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น